Saturday, September 20, 2014

Asus Zenfone 6 รีวิวมือถือสมาร์ทโฟน สเป็คแจ่ม กับราคาสะเทือนวงการ ! โดย mobiloit




วันนี้มาพบกับ Asus Zenfone 6 หลังจากงานเปิดตัว Asus Zenfone แอนดรอยด์สมาร์ทโฟนใหมล่าสุดจาก Asus ก็มีเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม เนื่องจากเหล่า Asus Zenfone มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม หน่วยประมวลผลจาก Intel และราคาเปิดตัวที่ทำเอาสะเทือนวงการสมาร์ทโฟนกันเลย จึงทำให้เกิดรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่อย่าง Asus Zenfone 6 ถึงแม้ชื่อ Zenfone จะคุ้นหูหลายคนกันมาบ้าง แต่ถ้าคุณได้รู้จัก Asus Zenfone 6 รับรองว่าจะเปลี่ยนความคิดและความเป็น Asus Zenfone เดิมๆ ไปเลย โดย Asus Zenfone 6 มีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่หรูหรา ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่พอสมควร แต่ยังใช้งานมือเดียวถนัดดี การประกอบดี แข็งแรง ไม่กรอบแกรบ เครื่องทดสอบเป็นสีขาวผิวด้าน ทำให้กระชับมือขณะใช้งาน
ขุมพลังของ Asus Zenfone 6 ได้มาจากหน่วยประมวลผล Intel Atom Z2580 Dual-core 2 GHz, RAM 2 GB และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.3 (เจลลี่บีน) ถึงสเปคจะระบุว่าหน่วยประมวลผลเป็น Dual-core แต่ Dual-core จาก Intel ก็ไม่ใช่ธรรมดานะ เพราะความลื่นไหลและความแรงใน Asus Zenfone 6 ก็อยู่ในเกณฑ์ดี ไม่กระตุก ไม่ค้างและไม่หน่วงแต่อย่างใด แต่ถ้าระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นเวอร์ชั่นใหม่ 4.4.2 (คิทแคท) น่าจะดีกว่านี้
Asus Zenfone ใช้หน้าจอ IPS LCD ขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล ให้สีสันที่สมจริง คมชัดเนียนตา ใช้อินเตอร์เฟซ ZenUI มีหน้าตาสวยงามแต่ดีไซน์ไม่เหมือนใคร ไอคอนดีไซน์แปลกตา ในส่วนของ App Drawer จัดเรียงไอคอนเมนูแบบตาราง 4 x 4 ดูโปร่งโล่ง สบายตา ส่วน Lock Screen ก็เท่ สามารถตั้งค่าทาง
ลัดเมนูได้ 3 เมนูเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน

Asus Zenfone 6 มาพร้อมกับตัวเครื่องขนาดใหญ่ ดีไซน์สวยหรู ส่วนหนึ่งมาจากหน้าจอ IPS LCD ขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว มีลำโพงสนทนา กล้องดิจิตอลตัวรองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ไฟแจ้งเตือนสถานะ และปุ่มคำสั่ง 3 ปุ่มใต้หน้าจอ
ด้านขวา เป็นตำแหน่งของปุ่มปรับระดับความดัง-เบาของเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power สำหรับปลดล็อคหน้าจอและเปิด-ปิดเครื่อง 
ด้านซ้าย หากมองเผินๆ จะเห็นว่าไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใดๆ แต่ดูให้ดีๆ จะพบกับร่องแกะฝาหลังร่องเล็ก
ด้านบน มีช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. และช่องไมโครโฟนเพื่อตัดเสียงรบกวนภายนอก
ส่วนด้านล่าง มีพอร์ต Micro USB 2.0 ใช้งานถ่ายโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ และชาร์จแบตเตอรี่ ใกล้ๆ กัน มีไมโครโฟนอีก 1 ช่อง
เมื่อพลิกมาด้านหลัง จะพบกับกล้องดิจิตอลความละเอียดสูง 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED ถัดลงมาเป็นลำโพงมัลติมีเดีย
เมื่อแกะฝาหลัง จะพบกับช่องใส่หน่วยความจำภายนอก microSD Card ช่องใส่ซิมการ์ดแบบไมโครซิม 2 ช่อง ส่วนแบตเตอรี่ของ Asus Zenfone 6 ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้
13 PixelMaster Camera
กล้องดิจิตอลของ Asus Zenfone 6 มีความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED และกล้องดิจิตอลตัวรอง 2 ล้านพิกเซล สำหรับใช้งาน VDO Call และถ่ายภาพตัวเอง ลูกเล่นจากกล้องของรุ่นนี้ถือว่ามีให้มากมายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโหมดถ่ายภาพในหลายๆ สถานการณ์ ทั้ง HDR เก็บทุกรายละเอียดในภาพเดียว, Selfie ตรวจจับใบหน้าและถ่ายภาพ, Depth of Field สร้างภาพหน้าชัดหลังเบลอง่ายๆ ฯลฯ ถ้าคุณชอบถ่ายภาพ Asus Zenfone 6 มีลูกเล่นมากมาย พร้อมให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพ ส่วนคุณภาพภาพถ่ายก็ถือว่าน่าพอใจ ภาพคมชัดดี สีสันสมจริง แต่ในเครื่องทดสอบ ระบบออโต้โฟกัสทำงานช้าไปนิด แต่ถ้าเปลี่ยนไปใช้ทัชโฟกัสก็ไม่มีปัญหา แต่ในเครื่องขายจริงจะมีการปรับปรุงกล้องอย่างแน่นอน การถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ได้ภาพสมจริงและบันทึกวิดีโอได้ยาวๆ
Entertainment
Asus Zenfone 6 มีฟีเจอร์ความบันเทิงจุใจ มีเครื่องเล่นเพลงที่ใช้งานได้ตามมาตรฐาน พร้อมระบบเสียง AudioWizard ซึ่งความไพเราะของเสียงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เครื่องเล่นวิดีโอก็ใช้งานผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ 6 นิ้วได้ดี หรือจะใช้งานวิทยุ FM ที่หน้าตาดีด้วย ZenUI ก็ตามสะดวก แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ระบบเสียง AudioWizard ไม่ได้ใช้งานได้เฉพาะเรื่องเสียงเพลงเท่านั้นนะ ยังมี Music Mode ให้เลือกอีกหลายแบบ ทั้ง Movie Mode, Gaming Mode, Recording Mode ฯลฯ เรื่องเล่นเกมส์ก็หายห่วง เล่นได้สบายๆ ทุกเกมส์ และมีของแถมอย่าง Amazon Kindle สำหรับคนรักการอ่าน
Connectivity
เรื่องการเชื่อมต่อจาก Asus Zenfone 6 ก็ต้องสมกับพี่ใหญ่ ทั้งการใช้งาน 2 ซิมการ์ดที่สแตนด์บายพร้อมใช้งาน 2 ซิมในเวลาเดียว แยกการใช้งาน 2 เบอร์ได้ง่ายๆ เรื่องอินเทอร์เน็ตก็ไม่เป็นรองใคร รองรับ 3G ทุกเครือข่าย หรือใช้งาน Wi-Fi ก็เจ๋ง มี Wi-Fi Direct แชร์ไฟล์สู่อุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น Splendid ปรับค่าสีหน้าจอ SuperNote แอพฯ จดโน้ตและวาดรูป WebStorage จัดเก็บข้อมูลและรูปถ่ายใน Asus Zenfone 6 ได้ทันที Power Saver ช่วยประหยัดพลังงานและยืดเวลาการใช้งาน
รูปตัวเครื่อง Asus Zenfone 6


รูปหน้าจอ Asus Zenfone 6
 

 


 

 

 

Final Opinion & Conclusion
ไม่ผิดหวังจริงๆ สำหรับ Asus Zenfone 6 สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่ให้ความประทับใจในการใช้งาน ตั้งแต่ดีไซน์สุดหรู อินเตอร์เฟซ ZenUI หน้าตาดี ใช้งานง่าย ความแรงและลื่นไหลจาก CPU Intel มีกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 13 ล้านพิกเซลที่พร้อมไปไหนมาไหนกับคุณได้ทุกเมื่อ รองรับ 3G ทุกเครือข่าย ใช้งาน 2 ซิมก็ได้ แต่ Asus Zenfone 6 เปิดตัวด้วยราคาเพียง 8,990 บาทเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ทำให้สะเทือนวงการสมาร์ทโฟนนั่นเอง ถ้าเรื่องฟีเจอร์และความแรงระดับนี้ สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นก็มี แต่ถ้าเป็นเรื่องความคุ้มค่า หาได้ใน Asus Zenfone 6 เท่านั้น
Strength
- หน้าจอขนาด 6.0 นิ้ว ความละเอียด HD
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.3 (เจลลี่บีน)
- หน่วยประมวลผล Intel Z2580 Dual-core ความเร็ว 2 GHz
- กล้องดิจิตอลความละเอียดสูง 13 ล้านพิกเซล
- ใช้งาน 2 ซิมการ์ดได้
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย,Wi-Fi, Wi-Fi Direct
- ประหยัดพลังงานด้วย Power Saver
Weakness
- เวอร์ชั่นแอนดรอยด์ยังไม่เป็น 4.4.2 (KitKat)
- ร่องแกะฝาหลังมีขนาดเล็กเกินไป
- แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนไม่ได้

Credi:jaymart
 เป็นไงกันบ้างครับกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Asus Zenfone 6 น่าทึ่งสุดๆเลยช่ายม่าาาา  ด้วยราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไปและเสป็คเครื่องที่สุดแรง น่าสอยมาครอบครองยิ่งนัก แล้วพบกันใหม่กับ mobiloit เว็บที่จะช่วยให้การเลือกของคุณนั้นง่ายขึ้น สวัสดีคับ

Thursday, September 18, 2014

iPhone 6 (ไอโฟน 6) และ iPhone 6 Plus เปิดตัวแล้ว! มาพร้อมหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว ชิป Apple A8 แบบ 64-bit จำหน่าย 19 กันยายนนี้!

วันนี้มาพบกับช้อมูล เจาะลึกเกี่ยวกับ Iphone 6 กันนะครับ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง มีอะไรใหม่ๆให้เราได้เล่นบ้าง รอช้าอยู่ใยไปพบกับ Iphone 6 และ Iphone 6 Plus กันเลยครับผม


เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone 6 (ไอโฟน 6) ซึ่งในปีนี้ เปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว โดยในเรื่องของดีไซน์นั้น ไม่ต่างจากภาพหลุดแม้แต่น้อยครับ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเครื่องบางลง, ปุ่มปรับระดับเสียงดีไซน์ใหม่, ปุ่ม Power ย้ายมาอยู่ด้านข้าง ส่วนกล้องด้านหลัง มีลักษณะนูนเล็กน้อย นอกจากนี้ ในงาน ยังเปิดตัว Apple Watch หรือ iWatch ที่เรารู้จักกันดีอีกด้วย เรียกได้ว่า 2 ชั่วโมงของงานเปิดตัวในวันนี้ คุ้มค่าและเต็มอิ่มกันอย่างแน่นอน
โดยในปีนี้ iPhone 6 พัฒนาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 5S ถึง 8 หัวข้อใหญ่ๆ ด้วยกัน หลักๆ ก็เป็นเรื่องของ ดีไซน์, ชิป Apple A8, กล้องด้านหลัง, Wi-Fi, รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Full HD, รัน iOS 8 และรองรับ NFC มาดูกันที่แต่ละหัวข้อครับว่า iPhone 6 (ไอโฟน 6) และ iPhone 6 Plus จะน่าสนใจกันอย่างไรบ้าง
ดีไซน์ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ไม่ใช่แค่หน้าจอใหญ่ แต่ยังบางกว่าเดิม
iPhone 6 มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว แบบ Retina HD Display ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (348 ppi) แม้ว่าหน้าจอจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก เนื่องจากตัวเครื่องบางลงนั่นเอง โดย iPhone 6 บางเพียง 6.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วน iPhone 6 Plus มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Retina HD Display ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล หรือ Full HD บาง 7.1 มิลลิเมตรครับ


มาดูกันที่ดีไซน์รอบๆ ตัวเครื่องกันบ้าง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ผลิตจาก Anodized Aluminum, Stainless Steel และกระจก ที่ช่วยทำให้ตัวเครื่องหรูหรา แข็งแรง ทนทาน ซึ่งฝาด้านหลัง ผลิตให้เป็นชิ้นเดียวกัน (Unibody) ส่วนกล้องด้านหลัง มีลักษณะนูนเล็กน้อย และขอบตัวเครื่อง โค้งมนกว่าเดิม
แรงขึ้นด้วยชิป Apple A8 แบบ 64-bit

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาพร้อมกับชิป Apple A8 แบบ 64-bit ซึ่งประมวลผลได้เร็วขึ้น (CPU) 25% ส่วนหน่วยประมวลผลภาพ (GPU) แรงขึ้น 50% นอกจากนี้ ยังมีชิป Apple M8 coprocessor คำนวณด้านการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆ ทั้ง Accelerometer, Compass, Gyroscope และ Barometer (วัดความกดอากาศ)
กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่ปรับปรุงเซ็นเซอร์ใหม่

คาดหวังให้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาพร้อมกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลใช่หรือไม่? งานนี้ต้องบอกเลยว่า ผิดหวังไปตามๆ กันครับ เพราะ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาพร้อมกล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เท่า iPhone 5S แต่ได้ปรับปรุงเซ้นเซอร์ใหม่ ให้ถ่ายรูปได้สวยงามขึ้นกว่าเดิม ส่วนรูรับแสง กว้างสูงสุดที่ F/2.2


สำหรับฟีเจอร์ใหม่ของกล้อง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้แก่

 Focus Pixels : ทำงานโดยอาศัยโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพชนิดใหม่ที่ออกแบบโดย Apple เซ็นเซอร์ที่มีข้อมูลภาพที่ถ่ายละเอียดขึ้นจะส่งผลให้ระบบออโต้โฟกัสทำงานได้ดีและเร็วขึ้น

 Face Detection : ระบบตรวจจับใบหน้า สามารถจดจำใบหน้าได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น แม้แต่ใบหน้าที่อยู่ไกลออกไปหรือในกลุ่มคนเยอะๆ พร้อมทั้งยังปรับปรุงระบบตรวจจับการกะพริบตาและรอยยิ้ม รวมถึงการเลือกใบหน้าในโหมดถ่ายภาพรัวต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถจับภาพที่ดีที่สุดได้โดยอัตโนมัติอีกด้วย

 Exposure Control : การควบคุมค่าแสง ปรับภาพถ่ายหรือวิดีโอให้สว่างขึ้นหรือมืดลงในหน้าต่างตัวอย่างภาพได้ถึง 4 ระดับ f-stop ด้วยการเลื่อนนิ้วง่ายๆ

 Auto Stabilization : ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ หมดปัญหาภาพเบลอที่เกิดจากการเคลื่อนไหวหรือมือสั่น เพราะระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติจะถ่ายภาพที่ มีการเปิดรับแสงในระยะเวลาสั้นๆ จำนวน 4 ภาพติดกัน จากนั้นจะดึงส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละภาพมารวมไว้ด้วยกัน เพื่อให้ได้ภาพที่มี noise, วัตถุเคลื่อนที่ หรือการสั่นที่เกิดจากการมือไหวน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 Optical Image Stabilization : ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (เฉพาะ iPhone 6 Plus) จะทำงานร่วมกับชิป Apple A8, Gyroscope และชิป M8 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว เพื่อตรวจวัดข้อมูลการเคลื่อนไหวและจะขยับชิ้นเลนส์อย่างแม่นยำเพื่อชดเชยอาการมือสั่นในสภาพแสงน้อย

 Photos App : แอปรูปภาพ เก็บช่วงเวลาที่น่าประทับใจ แล้วปรับแต่งในไม่กี่วินาทีด้วยเครื่องมือจัดองค์ประกอบภาพอัจฉริยะ ปุ่มปรับค่าต่างๆ และฟิลเตอร์ภาพถ่าย ในแอพรูปภาพ หรือถ้าแค่อยากถ่ายภาพง่ายๆ โดยไม่ต้องแต่งอะไร ก็สามารถทำได้โดยตรงจากหน้าจอล็อคโดยใช้รหัสผ่านหรือ Touch ID

 Panorama : สามารถถ่ายภาพแบบพาโนรามาด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 43 เมกะพิกเซล

รองรับการถ่ายวีดีโอ ความละเอียดระดับ 1080p แล้ว
นอกจากกล้อง iSight จะปรับปรุงฟีเจอร์ด้านการใช้งานแล้ว ในส่วนของการถ่ายภาพวีดีโอ ยังรองรับที่ความละเอียดระดับ 1080p อีกด้วย ส่วนการถ่ายภาพแบบ Slo-Mo ยังเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ที่ 240 fps (จากเดิม 120 fps)

กล้อง FaceTime รับแสงได้มากขึ้นถึง 81%

นอกจากจะปรับปรุงกล้องด้านหลังแบบ iSight แล้ว ในส่วนของกล้อง FaceTime ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยมาพร้อมกับความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้าง F/2.2 ที่ช่วยทำให้รับแสงได้มากขึ้นถึง 81% อีกทั้งยังตรวจจับใบหน้าได้แม่นยำกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมี โหมดถ่ายภาพรัวต่อเนื่องแบบใหม่ (Burst Mode) ที่จับภาพได้ถึง 10 ภาพต่อวินาที

Wi-Fi เร็วขึ้น 3 เท่า

iPhone 6 (ไอโฟน 6) และ iPhone 6 Plus มาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่อ Wi-Fi มาตรฐานแบบ 802.11ac ทำให้ได้ Wi-Fi ที่รวดเร็วกว่าแบบ 802.11n ถึง 3 เท่า ส่วนเครือข่าย LTE อัตราการรับส่งข้อมูล สูงสุดถึง 150 Mbps อีกทั้งรองรับ LTE ได้ถึง 20 ย่านความถี่ และ LTE-A รวมถึงใช้งาน VoLTE ได้ในตัวแล้ว

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รองรับ NFC แล้ว กับ Apple Pay


สำหรับเทคโนโลยี NFC นั้น แอปเปิล ได้นำมาพัฒนาในชื่อของ Apple Pay ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบใหม่ ที่ใช้งานง่ายขึ้น และสะดวกขึ้น ง่ายๆ ด้วยการนำ iPhone 6 ไปจ่อกับเครื่องอ่าน แล้วแตะที่ Touch ID ไว้ซักครู่ เพียงแค่นี้ ก็สามารถชำระเงินได้แล้ว รวดเร็วมากทีเดียว
ส่วนความครอบคลุมของ Apple Pay ตอนนี้รองรับเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งมีพันธมิตรเข้าร่วมหลายรายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น MasterCard, VISA, American Express รวมไปถึงร้านอาหารอย่าง Subway กับ McDonalds อีกด้วย ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานจริง ต้นเดือนตุลาคมนี้

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ไม่มีรุ่นความจุ 32 GB แล้ว
ข่าวร้ายสำหรับท่านที่เล็งรุ่นความจุ 32 GB ครับ เพราะบน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ไม่มีรุ่นความจุ 32 GB อีกต่อไป โดยมีให้เลือก 3 ขนาดความจุด้วยกัน ได้แก่ 16 GB, 64 GB และ 128 GB แต่ข่าวดีก็คือ รุ่นความจุ 64 GB ราคาเท่ากับ 32 GB นั่นหมายความว่า จ่ายถูกลง แต่ได้หน่วยความจำภายในเพิ่มขึ้น

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus วางจำหน่าย 19 กันยายนนี้


สำหรับรอบแรกของการวางจำหน่าย iPhone 6 (ไอโฟน 6) และ iPhone 6 Plus คือวันที่ 19 กันยายนนี้ (เปิดพรีออเดอร์ 12 กันยายน) วางจำหน่ายก่อนใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น แน่นอนว่า ยังไม่มีรายชื่อของประเทศไทยนะครับ แต่มีความเป็นไปได้ที่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะวางจำหน่ายในไทยรอบสอง ไม่เกินปลายเดือนตุลาคมนี้ แน่นอน!
ราคา iPhone 6 และ และ iPhone 6 Plus ในไทย

แม้ว่าในตอนนี้ จะยังไม่มีการประกาศราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในไทยออกมา แต่ก็สามารถประมาณการได้ว่า ราคา iPhone 6 ไม่น่าจะแตกต่างจาก iPhone 5S เท่าที่ควร โดยคาดว่า น่าจะเริ่มต้นที่ 23,900 - 24,500 บาท สำหรับรุ่นความจุ 16 GB ส่วน iPhone 6 Plus จะมีราคาแพงกว่า ถ้าหากจะสรุปทั้ง 3 ความจุ น่าจะได้ประมาณนี้ครับ


ราคา iPhone 6 ในไทย (แบบไม่เป็นทางการ)
• iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคา 23,900 บาท
• iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคา 27,900 บาท
• iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคา 31,900 บาท
ราคา iPhone 6 Plus ในไทย (แบบไม่เป็นทางการ)
• iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคา 26,900 บาท
• iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคา 30,900 บาท
• iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคา 34,900 บาท

Credit: techmoblog

เป็นไงครับกับข้อมูลที่อัดแน่นของ iphone 6 มีหลายๆอย่างน่าสนใจมากเลยนะครับผม แฟน apple ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยครับ แล้วกับมาพบกันใหม่กับ mobiloit เว็บที่จะช่วยให้การเลือกของคุณนั้นง่ายขึ้น สวัสดีคับ

Monday, September 8, 2014

รีวิว Alcatel One Touch Flash ดีไซน์สวย เสปคเครื่องสุดแจ่ม กับ ราคาเปิดตัวสบายกระเป๋า

วันนี้ก็มาพบกับ Alcatel One Touch Flash มือถือที่มีดีไซน์สวย ขนาดพอเหมาะ ง่ายต่อการพกพา และมือถือรุ่นนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมการประกาศราคาในวันพรุ่งนี้ 8 กันยายน 2014 ที่เซ็นทรัล เวิร์ล ใครสนใจก็ไปเที่ยวชมงานเปิดตัวกันได้นะครับ สำหรับ Alcatel One Touch Flash ซึ่งราคาเปิดตัวอยู่ที่ 6590 บาทซึ่งผมว่ามันแจ่มดีนะเพราะสเปคน่าสนใจมากทีเดียวในราคานี้ แถมวัสดุและงานประกอบยังทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ และ UI ยังเหมือนกับรุ่นระดับบนอย่าง Alcatel One Touch Idol X Plus ด้วยนะครับ ซึ่งราคาจะออกมาเท่าไหร่คงต้องรอดูในงานพรุ่งนี้ครับ แต่ที่แน่นอนคือ Alcatel One Touch Flash จะมีการจับมือกับ Jaymart และ Power Buy ในการทำตลาด Alcatel One Touch Flash โดยจะมีจัดโปรโมชั่นพิเศษร่วมกัน และมือถือตัวนี้ใช้ระบบปฎิบัติการ android นะครับผม

ไปอ่านพรีวิว Alcatel One Touch Flash ได้ที่บทความนี้นะครับ

Alcatel One Touch Flash_011

สเปคของ Alcatel One Touch Flash

3G HSDPA 900 / 2100
HSDPA 21 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps
รองรับ 2 ซิม
ขนาดตัวเครื่อง 52.1 × 76.2 × 8.1 มม. น้ำหนัก 150 กรัม
หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด HD 720P 1280×720 pixels
Android 4.4.2 KitKat ครอบทับด้วย One Touch UI
CPU Mediatek MT6592 Octa-core 1.4 GHz Cortex-A7
RAM 1GB
หน่วยความจำภายใน 8GB (เหลือให้ใช้ 5.14GB) เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 32GB
WiFi 802.11b/g/n, Wi-Fi Hotspot, Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0, Micro USB 2.0, GPS
ระบบเซ็นเซอร์ Ambient light, Proximity, Gyroscope
กล้องความละเอียด 13MP, พร้อมแฟลช LED, 4x Digital Zoom, Auto Focus, Geo-Tagging, Face Detection, Panorama, HDR
กล้องหน้าความละเอียด 5MP
แบตเตอรี่ความจุ  3300 mAh
ราคาเปิดตัว 6590 บาท
Alcatel One Touch Flash_012
Alcatel One Touch Flash_013
Alcatel One Touch Flash พอได้ลองใช้งานจริงผมว่าตัวเครื่องสวยครับ แมนๆดีมีความคล้าย Samsung พอสมควร วัสดุดูดีมากครับ พลาสติคเนื้อดีและมีลายกันลื่นด้านหลัง เป็นลายละเอียดๆเนียนมือ ตัวเครื่องไม่สามารถแกะฝาหลังได้จะเป็น Unibody หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด HD 720P 1280×720 pixels ดูสวยดีครับสีสดและมุมมองกว้าง รุ่นนี้มี Notification Light ด้วยนะฮะและลำโพงสนทนาเสียงดังฟังชัดดีครับ จะติก็ปรงปุ่มควบคุมสัมผัสด้านล่างไม่มีไฟที่ปุ่มครับ ทำให้เวลาอยู่ในห้องมืดๆกดไม่ค่อยจะโดน
กล้องด้านหลังนูนออกมามากไปหน่อยต้องระวังๆนิดนึงนะครับ แต่เลนต์จะเว้าเข้าไปฮะมีขอบกล้องคอยช่วยอยู่ ไม่น่าจะเกิดรอยง่ายๆ สำหรับความละเอียดอยู่ที่ 13MP คุณภาพรอชมท้ายบทความครับ^^ และมีไมค์ตัดเสียงรบกวนอยู่ที่เหนือกล้อง ลำโพงตัวเครื่องรุ่นนี้เสียงดังดีครับ แต่เสียงจะออกแหลมๆไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แตกนะครับ
Alcatel One Touch Flash_019
Alcatel One Touch Flash_018
ด้านบนมีช่องหูฟังมาตราฐานขนาด 3.5 มม. และด้านล่างมีช่อง Micro USB 2.0 และช่องไมโครโฟน
Alcatel One Touch Flash_017
Alcatel One Touch Flash_016
ด้านขวามีช่องใส่ซิม 2 และปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ส่วนด้านซ้ายจะมีช่องใส่ซิม 1 และช่องใส่ Micro SD Card มีฝาปิดเรียบร้อย
Alcatel One Touch Flash_020
Alcatel One Touch Flash_021
วิธีแกะให้ใช้ปลายเล็บกดปุ่มด้านบนมันก็จะเปิดขึ้นมาเองครับ ง่ายๆ อย่าพยายามแงะผิดวิธีนะฮะ^__^
Alcatel One Touch Flash_014
Alcatel One Touch Flash_015
แบตเตอรี่ความจุ  3300 mAh ให้มาเยอะครับ และจากการใช้งาน Alcatel One Touch Flash แบตอึดดีมากครับ ใช้งานได้ยาวนานหายห่วง
A_F_001
A_F_002
A_F_003
ทดสอบด้วย Quadrant Standard ได้คะแนน 11693 คะแนน
ทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ได้คะแนน 26025 คะแนน
ทดสอบด้วย NenaMark2 ทำไปได้ 58.3fps
รองรับ Multi Touch 5 จุดสมบูรณ์
A_F_004
A_F_005
Alcatel One Touch Flash มาพร้อม Android 4.4.2 KitKat ครอบทับด้วย One Touch UI หน้าตาการใช้งานคล้ายๆกับรุ่นระดับบนอย่าง Alcatel One Touch Idol X Plus มากครับแถมเหนือกว่าเพราะเปิดตัวมาพร้อม Android 4.4.2 KitKat ด้วยนะครับ หน้าตาของ One Touch UI สวยงามใช้ได้นะครับดูมีเอกลักษณ์  การใช้งานความลื่นไหลใช้ได้เลยครับ
A_F_006
One Touch UI หน้าตาสวยงามดีครับ โดยจะมีหน้า Home พิเศษ 2 หน้าที่ล็อคใว้โดยเราสามารถเปิดและปิดมันได้ตามใจชอบครับ โดยจะมีหน้าที่แสดง Widget ในแนวดิ่งทำให้เราเอา Widget ที่ใช้บ่อยๆมาเก็บใว้ที่หน้านี้ได้เป็นจำนวนมาก และอีกหน้าจะเป็นหน้าแสดงภาพถ่ายที่เราชอบมานำเสนอแบบเก๋ๆ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลายเลย
A_F_007
Alcatel_Idol_X_Plus_023
แอพพลิเคชั่น Boomband Life จะใช้งานคู่กับ Alcatel Boomband ครับซึ่งผมเคยรีวิวให้อ่านกันไปแล้ว แต่ว่าทาง Alcatel ไม่นำเข้ามาแยกจำหน่ายนะครับ ซึ่งก็ต้องลุ้นกันดูว่าทางแบรนด์จะสนใจนำเข้ามาหรือเปล่า ใครสนใจก็ไปอ่านรีวิว Alcatel Boomband กันได้ตามนี้ครับ

รีวิว Alcatel Boomband โดยทีม AppDisqus

A_F_008
รองรับ Gestures อย่างเช่นพลิกเครื่องเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า หรือตั้งปลุก รวมทั้งการเขย่าตัวเครื่องเพื่อเปลี่ยนเพลงได้อีกด้วย และที่เพิ่มเข้ามาน่าสนใจมากครับคือ แตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอได้ (ชักจะมีแทบทุกค่าย อิอิ) และฟังก์ชั่นเขียนหน้าจอเป็นตัวอักษรเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนแอพพลิเคชั่นที่ตั้งใว้ได้อีกด้วย ซึ่งความแม่นยำทำได้ดีมากครับ แม่นยำดีจริงๆ
A_F_009
Alcatel One Touch Flash มีระบบปรับแต่งสีสันหน้าจอมาให้ด้วยนะครับ ซึ่งผมว่าดีนะทำให้เราสามารถปรับโทนสีหน้าจอของเราได้ตามใจชอบเลยครับ จะได้ไม่ต้องเกี่ยงว่าจอเราอมเหลืองหรืออมฟ้า อิอิ และ Hotknot ช่องทางลัดน่าสนใจสำหรับการถ่ายโอนข้อมูล เพียงนำจอแสดงผลมาสัมผัสกัน จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลทุกอย่างไปยังสมาร์ทโฟนอีกเครื่องได้อย่างรวดเร็วตามใจชอบ
A_F_010
A_F_011
เครื่องเล่นเพลงหน้าตาคล้ายมาตราฐาน Android สามารถปรับแต่ง EQ ทั้งแบบสำเร็จรูป และปรับแต่งด้วยตัวเองได้ คุณภาพเสียงผ่านหูฟังใช้ได้นะครับ และเครื่องเล่นวีดีโอสามารถเล่น Full HD 1080P ได้อย่างลื่นไหลดีมาก
A_F_012
Alcatel One Touch Flash ในเรื่องเล่นเกมหายห่วงครับ ลื่นดีมากเลย เดี๋ยวนี้มือถือไม่ต้องแพงมากก็เล่นเกมดีๆได้หมดแล้วนะครับ
A_F_013
Alcatel One Touch Flash มาพร้อมสเปคกล้องที่น่าสนใจครับ กล้องความละเอียด 13MP, พร้อมแฟลช LED, 4x Digital Zoom, Auto Focus, Geo-Tagging, Face Detection, Panorama, HDR และ กล้องหน้าความละเอียด 5MP
คุณภาพกล้องออกมาดีครับ ภาพสวย สีสด และสามารถวัดแสงเฉพาะจุดได้ด้วยนะ แต่ติตรงถ่าย Macro ยากมากครับทำได้ไม่ดี และกล้องหน้าความละเอียดสูง น่าพอใจดีครับแถมมีโหมดแต่งสวยด้วย ทำออกมาได้ดีทีเดียว แจ๋วๆ^^ เท่าที่ทดสอบมา Alcatel เป็นแบรนด์ที่กล้องดีนะเนี่ย

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Alcatel One Touch Flash

Alpha_F_010
Alpha_F_001
Alpha_F_002
Alpha_F_003
Alpha_F_004
Alpha_F_006

ข้อดีของ Alcatel One Touch Flash

1. ตัวเครื่องออกแบบได้สวยงาม วัสดุการประกอบดีมาก
2. หน้าจอ IPS ขนาดใหญ่  5.5 นิ้วความละเอียด HD 720P
3. สเปคแรงในราคาไม่แพง Mediatek MT6592 Octa-core 1.4 GHz Cortex-A7, RAM 1GB, หน่วยความจำภายใน 8GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 32GB
4. รองรับการใช้งาน 2 ซิม
5. Android 4.4 KitKat ครอบทับด้วย One Touch UI ที่มีการพัฒนาเรื่องฟังก์ชั่นเขียนหน้าจอเป็นตัวอักษรเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ และการเชื่อมต่อถ่ายโอนข้อมูล Hotknot
6. กล้องความละเอียด 13MP และกล้องหน้าความละเอียด 5MP คุณภาพดี
7. แบตเตอรี่ความจุ  3300 mAh อึดดีมาก
8. ราคาเปิดตัวถูกมากๆ 6590 บาท

ข้อด้อยของ Alcatel One Touch Flash

1. Design ยังคล้ายแบรนด์เจ้าตลาดมากไปหน่อย
2. กล้องถ่ายภาพระยะใกล้ไม่ค่อยจะได้
Alcatel One Touch Flash_006
Alcatel One Touch Flash_005
Credit: appdisqus.com

เป็นไงดันบ้างครับกับ Alcatel One Touch Flash เป็นมือถือที่น่าสนใจครับ รูปทรงอาจจะเหมือนแบรนด์เจ้าตลาดมากไปหน่อย แต่คุณภาพงานดีมากๆ และมี UI เป้นของตัวเองซึ่งพัฒนามาได้ดี ลูกเล่นเขียนหน้าจอมีประโยชน์และทำออกมาได้แม่นยำดีมาก รวมทั้งฟังก์ชั่นใหม่ๆในเครื่องก็ดูน่าสนใจ และแม้จะเป็นรุ่นราคาเบาๆ แต่อัดลูกเล่นมาไม่แพ้รุ่นใหญ่เลย แถมสเปคก็อยู่ในระดับที่ดีอีกด้วยครับ ในงบนี้ผมว่ามันคือรุ่นที่คุ้มค่าอีกรุ่นที่ไม่น่ามองข้ามนะครับ แล้วมาพบกับข้อมูลที่เต็มเปี่ยมกันใหม่นะครับกับ mobiloit เว็บที่จะช่วยให้การเลือกของคุณนั้นง่ายขึ้น สวัสดีคับ