Sunday, August 31, 2014

รีวิว Samsung Galaxy S Duos 2 Line Edition เสปคสุดสวย



วันนี้มาพบกับ Samsung Galaxy S Duos 2 เป็นมือถือรุ่นต่อยอดความสำเร็จ จาก Samsung Galaxy S Duos รุ่นแรก โดยมีการอัพเกรดสเปคให้สูงขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น CPU แบบ Dual Core และ Ram ที่เพิ่มมาเป็น 768 MB (Galaxy S Duos รุ่นแรกใช้ CPU Single Core และแรม 512 MB) ส่วนรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้แตกต่างจาก Galaxy S Duos รุ่นแรกมากมายนัก โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 4,900 บาท อันที่จริงเจ้า Samsung Galaxy S  Duos เนี่ยวางขายมานานพอสมควรแล้ว แต่เครื่องรีวิว Samsung Galaxy S Duos 2 ที่เราได้รับมานั้นไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นรุ่นพิเศษ Samsung Galaxy S Duos 2 Line Edition ซึ่งตอนแรกผมจินตนาการไปไกลมากว่ามันจะมาพร้อมกับกรอบฝาหลังที่เป็นตัวละคร ในไลน์ เอาเป็นว่าก่อนจะบอกว่าความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy S Duos 2 รุ่นปกติกับ Line Edition แตกต่างกันอย่างไร เรามารับชมสเปคของ Samsung Galaxy S Duos 2 กันก่อนครับ


สเปค Samsung Galaxy S Duos 2

  • ชิปประมวลผล Broadcom BCM21664 Dual-Core ความเร็วสูงสุด 1.2 GHz
  • แรม 768 MB
  • หน้าจอ TFT ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล
  • รอมในตัว 4 GB
  • Android 4.2.2 Jelly Bean ครอบมาดัวยอินเตอร์เฟส TouchWiz
  • ใช้งานได้ 2 ซิมแบบ Always on
  • รองรับ 3G แยกเครือข่าย (มี 2 โมเดล)
  • กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล Auto Focus พร้อมแฟลช
  • กล้องหน้าความละเอียด VGA
  • แบตเตอรี่ 1500 mAh
  • ราคาอยู่ที่ 4,900 บาท
  • สเปค Samsung Galaxy S Duos 2 เต็มๆ
Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 001
สิ่งแรกที่แตกต่างสำหรับ Samsung Galaxy S Duos 2 Line Edition คือมันหาซื้อได้ที่ Dtac Store และเป็นเครื่องรุ่นรองรับ 3G ความถี่ 850/2100 เท่านั้น และกล่องจะถูกครอบด้วยปลอกสีเขียวพิมพ์รูปตัวละครฟรุ้งฟริ้งจากไลน์อย่างหมี บราวน์และเจ้ากระต่ายโคนี่ เมื่อถอดปลอกลายการ์ตูนออกก็จะพบกับซิมการ์ดจาก Happy Dtac ที่จะมีสิทธิพิเศษคือเล่นไลน์ฟรี 1 ปี (ไม่เสีย Data) แต่ก็มีเงื่อนไขเล็กน้อยข้างหลังกล่องเขียนอยู่ครับ สรุปคร่าวๆ ได้ว่าฟรีค่าดาต้าตอนเล่นไลน์ฟรีในเดือนแรก ส่วนเดือนถัดมาต้องเติมเงินในระบบไว้ขั้นต่ำเดือนละ 100 บาท และรับสิทธิ์ได้นาน 12 เดือน ซึ่งนอกจากปลอกสีเขียวพิมพ์ตัวการ์ตูนไลน์และซิม Happy Dtac ที่แถมมาให้แล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรแตกต่างกับ Samsung Galaxy S Duos 2 รุ่นปกติแม้แต่น้อยเลยครับ

Design

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 009

ขนาดกำลังพอดีมือ พกง่าย


Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 010

Samsung Galaxy S Duos 2 เป็นมือถือหน้าจอ 4 นิ้ว ทำให้ขนาดตัวของมันค่อนข้างกะทัดรัด พกพาสะดวก สำหรับการออกแบบก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างออกแบบมาได้ธรรมดา ไม่ได้หวือหวาเหมือนอย่าง Samsung Galaxy Core 2 Duos ที่รายนั้นจะเหมือนจับเอา Samsung Galaxy Note 3 มาย่อส่วน แต่ถ้าพูดถึงงานประกอบ และวัสดุก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ารุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S Duos 2 เลยครับ จัดเป็นมือถือ Samsung ที่ทำให้ผมว้าวพอสมควรเลยนะ ว่าแล้วเรามาเริ่มเจาะกันแต่ละส่วนของ Samsung Galaxy S Duos 2 กันเลยดีกว่า
เริ่มจากด้านหน้าของ Samsung Galaxy S Duos 2 ต้องบอกก่อนนะครับว่าดีไซน์ของเจ้า Samsung Galaxy S Duos 2 จะออกแนวขอบมนๆ ส่วนตัวผมมองว่ามันได้กลิ่นอายของ Samsung Galaxy S3 มาเยอะพอสมควรเลยหล่ะ รายละเอียดส่วนด้านหน้าก็จะประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ด้านบนหน้าจอจะเป็นโลโก้ ​​Samsung, ลำโพงสำหรับสนทนา, กล้องหน้า VGA, Proximity Sensor สำหรับปิดหน้าจออัตโนมัติเวลาที่เราถือตัวเครื่องแนบหู และโลโก้ Duos การันตีว่ามือถือรุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Always On ที่จะไม่พลาดทุกการติดต่อ เพราะมันสามารถรับสายซ้อนจากซิมสองได้ แม้ว่าเรากำลังสนทนาด้วยซิมหนึ่งอยู่ก็ตาม ถัดมาที่ด้านล่างของหน้าจอก็จะพบกับปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ โดยปุ่มเมนูและปุ่มย้อนกลับปกติแล้วจะซ่อนอยู่ และจะสว่างเวลาที่เราใช้งานเครื่อง
ด้านข้างขวาของ Samsung Galaxy S Duos 2 จะประกอบไปด้วยปุ่ม Power และช่องใส่ MicroSD Card ด้านบนจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และช่องที่เป็นแรร์ไอเทมอย่างช่องร้อยพวงกุญแจ ซึ่งหาไม่ค่อยได้ในมือถือยุคหลังๆ ส่วนด้านล่างก็จะเป็นช่องเสียบสาย USB และไมค์สำหรับสนทนา สำหรับขอบข้างของ Samsung Galaxy S Duos 2 จะเป็นส่วนที่ผมค่อนข้างประทับใจ เพราะจะมี Texture เป็นเส้นๆ ที่ช่วยป้องกันปัญหามือลื่นแล้วเผลอทำมือถือร่วงได้ครับ

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 015

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 021 งานประกอบทำออกมาดีทีเดียว
Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 018
มาถึงด้านหลังของ Samsung Galaxy S Duos 2 ก็ตามสไตล์มือถือ Samsung ที่จะต้องถอดฝาหลังได้ ซึ่งเมื่อถอดฝาหลังโดยการเริ่มแงะจากร่องทางด้านขวาบนของฝาหลังก็จะพบกับ แบตเตอรี่ความจุ 1500 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้, ช่องใส่ซิม 2 ช่อง รองรับซิมขนาดมาตรฐาน (ซิมใหญ่) ข้อสังเกตสำหรับด้านหลังของ Samsung Galaxy S Duos 2 ก็คือพอถอดแบตเตอรี่ออกมาก็จะเจอกับแผงเมนบอร์ดโดยตรงเลย ซึ่งมือถือปกติเนี่ยเขาจะมีอะไรมากั้นระหว่างแบตเตอรี่กับเมนบอร์ด แต่ที่ Samsung ออกแบบมาเช่นนี้คงจะไม่ต้องการให้ Samsung Galaxy S Duos 2 มีขนาดที่หนาจนเกินไป
ย้อนกลับมาที่รายละเอียดด้านหลังของ Samsung Galaxy S Duos 2 ก็จะประกอบไปด้วยโลโก้ Samsung ตัวใหญ่, กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED และลำโพงหลักของตัวเครื่อง สำหรับวัสดุของฝาหลังก็ใช้เป็นพลาสติกที่ออกแนวกึ่งๆ ผิวด้าน แน่นอนว่ามันเก็บรอยนิ้วมือ แต่ก็ไม่ได้มากขนาดพวกซอฟทัช ส่วนข้อเสียเต็มๆ เลย โดยเฉพาะเครื่องรีวิว Samsung Galaxy S Duos 2 ของเราจะเป็นสีขาว จากการใช้งานก็พบว่ามันเลอะง่ายมากครับ วางบนหนังสือพิมพ์นี่บอกเลยว่าเรียบร้อย แต่ก็ยังดีที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ถ้าไม่ได้ซีเรียสกับมือถือสีดำ แนะนำให้ซื้อสีดำดีกว่าครับ ดูแลรักษาง่ายกว่าเยอะ
หน้าจอของ Samsung Galaxy S Duos 2 เป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจครับ อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ทำรีวิวเจ้า Samsung Galaxy Core 2 Duos ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะสีสันหน้าจอของ Samsung Galaxy S Duos 2 ถือว่าสดใส และสมจริงกว่า Galaxy Core 2 หลายเท่าครับ รวมถึงความคมชัดหน้าจอก็มีมากกว่าด้วย ตรงนี้คาดว่าเป็นเพราะขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับความละเอียดหน้าจอที่ 480×800 พิกเซลก็ถือว่าเหมาะสมกันดี เอาเป็นว่าถ้าอยากเห็นเม็ดพิกเซลก็ต้องเพ่งกันหน่อยนะครับ ส่วนตัวผมมองว่าหน้าจอของ Samsung Galaxy S Duos 2 เป็นหน้าจอ TFT ที่แจ่มพอตัวเลย และสำหรับการใช้งานกลางแจ้งที่มีแสงแดดจัดๆ ใช้การเปิดแสงหน้าจอสู้ก็พอจะถูไถไปได้ ไม่ได้ถึงกับแพ้แสงอะไรมากมายครับ
ก็ถือว่าสอบผ่านในส่วนของการออกแบบ, วัสดุและงานประกอบนะครับสำหรับ Samsung Galaxy S Duos 2 จัดว่าคุ้มค่าตัวที่ราคา 4,900 บาท จุดเด่นก็คงอยู่ที่ตัวเครื่องขนาดกำลังพอดี พกพาสะดวก งานประกอบก็ทำออกมาได้แน่นหนา แข็งแรง ไม่มีอาการยวบยาบที่ฝาหลัง ที่สำคัญคือหน้าจอของ Samsung Galaxy S Duos 2 นี่จัดว่าสวยพอตัวเลยครับ

Software

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 014

Samsung Galaxy S Duos 2 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2 Jellybean ที่ครอบด้วย TouchWiz UI เช่นเดียวกับมือถือ Samsung รุ่นอื่นๆ การใช้งานก็พบว่ามีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อย น่าจะด้วยสเปคที่ CPU เป็นเพียง CPU Dual Core และแรมที่ไม่ได้มากมายอะไร (Samsung Galaxy S Duos 2 Ram 768 MB) แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็ถือว่ามันตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ต, โซเชียลเน็ตเวิร์ค, การใช้งานเป็นโทรศัพท์ หรือจะเอาไปเล่นเกมยอดฮิตอย่าง Line เกมเศรษฐีก็ยังเล่นได้สบายมาก ลื่นปรื๊ดๆ เท่าที่ลองดูยังไม่พบอาการ Force Close ตอนเล่น Line เกมเศรษฐีเลย

Screenshot_2014-08-13-13-25-08-horz

ส่วนแอพพลิเคชันที่ลงมาให้ในรอมตั้งแต่แรกเลยก็ไม่ได้มีเยอะแยะเหมือน ก่อนแล้ว หลังจากที่ Google ได้สั่งให้ Samsung เพลาๆ การอัดแอพพลิเคชันของตัวเองลงในรอมมือถือ แต่แอพของ Samsung ก็ไม่ได้หายไปไหนนะครับ เพียงแต่ผู้ใช้ต้องเข้าไปเลือกดาวโหลดเพิ่มเติมเอาเองจาก Galaxy App Center โดยแอพพลิเคชันที่มีให้ดาวโหลดก็อย่างเช่น Samsung Care, Samsung Showtime, Galaxy Kids, Galaxy Horoscope และ Galaxy Gift เป็นต้น การที่ Samsung ให้ผู้ใช้เลือกดาวโหลดแอพพลิเคชันได้เองเช่นนี้ ส่งผลให้พื้นที่หน่วยความจำในตัวเครื่องเหลือเยอะกว่าแต่ก่อนมาก

Screenshot_2014-08-13-13-25-59-horz

นอกจาก Galaxy App Center ที่รวบรวมแอพพลิเคชันจากทาง Samsung แล้ว ยังมี GALAXY Apps หรือเมื่อก่อนคือ Samsung Apps โดยจะทำหน้าที่คล้ายกับ Google Play Store แต่ GALAXY Apps จะแนะนำแอพพลิเคชันที่เหมาะสมกับมือถือ Samsung ให้ผู้ใช้เลือกดาวโหลด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานมือถือ Samsung ให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และใน Samsung Galaxy S Duos 2 ยังมีแอพพลิเคชันบางตัวที่ลงมาให้ตั้งแต่ในรอมเลยก็อย่าง Line แอพพลิเคชันสำหรับแชทยอดนิยมในบ้านเรา และ Dropbox เอาไว้คอยเก็บข้อมูลเพิ่มเติมบน Cloud ครับ

Screenshot_2014-08-13-13-26-35-horz

ภาพรวมในส่วนของ Software ของ Samsung Galaxy S Duos 2 ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีในเรื่องของการใช้งานที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้มือใหม่ที่ไม่เคยใช้งานสมาร์ทโฟนมาก่อน หรือจะเป็นผู้ใช้ที่เคยใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นมาก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ครับ การใช้งานก็ค่อนข้างโอเค มีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อยตามสเปคที่ไม่ได้แรงหวือหวา ถ้าให้คะแนนก็คงจะเป็น 3 ดาวจาก 5 ดาวครับ ไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่จัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ ครับ

Camera

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 016

กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy S Duos 2 มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสที่ต้องอาศัยการแตะเพื่อโฟกัสจากตัวผู้ใช้ก่อน แล้วจากนั้นกล้องจะทำการโฟกัสอัตโนมัติไปยังจุดที่เราได้ทำการแตะไว้ ซึ่งตรงนี้จะไม่เหมือน Auto Focus ของยี่ห้ออื่นที่ตัวกล้องจะทำการหาจุดโฟกัสเองตั้งแต่ทำการเปิดแอพฯ กล้องขึ้นมา ส่วนหน้า UI ของกล้องถ่ายรูปก็จะเป็นประมาณนี้ครับ

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 013

สำหรับโหมดต่างๆ ก็มีให้เลือกอย่างจุใจเลยทีเดียว แต่ส่วนมากก็คงจะใช้หลักๆ ไม่กี่โหมดหรอกครับ อย่างผมใช้ตอนรีวิว Samsung Galaxy S Duos 2 บ่อยๆ ก็โหมดอัตโนมัติ, โหมดกลางคืน แล้วก็โหมดกีฬาเมื่อต้องการถ่ายภาพที่มีวัตถุเคลื่อนไหวเร็วๆ ส่วนปัญหาที่พบในการใช้งานกล้องของ Samsung Galaxy S Duos 2 ที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของ White balance เพี้ยน ทำให้การชดเชยแสงของมันดูแปลกๆ ไปหน่อย ส่วนการถ่ายภาพด้วยกล้องหลังก็ถือว่าไม่ยากเท่าไหร่ แต่ต้องมือนิ่งๆ หน่อยครับ และแน่นอนว่าการถ่ายภาพตอนกลางคืนถ้าไม่เปิดโหมดกลางคืนช่วยจะถ่ายออกมาให้ สวยได้ยากมาก
ส่วนกล้องหน้า vga ของ Samsung Galaxy S Duos 2 ส่วนตัวผมมองว่าจะเอามาเน้นถ่ายเซลฟี่คงไม่ค่อยเหมาะสมนัก ด้วยความละเอียดที่น้อยเกินไป และจุดประสงค์หลักของการมีกล้องหน้าคงจะเอาไว้สำหรับวีดีโอคอลมากกว่า อย่างการถ่ายกล้องหน้าในอาคารนี่จะให้ภาพที่ค่อนข้างมืดทีเดียวครับ
Gallery ด้านล่างนี้จะเป้นตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Samsung Galaxy S Duos 2 ที่ใช้โหมดอัตโนมัติครับ

Performance

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 022

ประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy S Duos 2 ก็อยู่ในเกณฑ์ของมือถือระดับล่าง – กลาง คือใช้งานทั่วไป, เน้นเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก เล่นเกมนิดหน่อย เพราะด้วยสเปคที่ยังไม่ถึงขั้น (CPU Dual Core, Ram 768 MB) จะให้ใช้งานหนักๆ สลับแอพฯ ไปมาอย่างรวดเร็วทันใจก็จะดูไม่ค่อยยุติธรรมกับเจ้า Samsung Galaxy S Duos 2 เท่าไหร่นัก แต่ถ้ามองที่ราคา 4,900 บาท เอาจริงๆ มันก็ควรจะลื่นกว่านี้สักหน่อยนะ
ส่วนผลเทส, การ Benchmark ผมก็คงขอไม่เอามาลงจะดีกว่า เพราะเอาเข้าจริงผลเทสก็ไม่ได้การันตีว่าทำคะแนนออกมาดี จะใช้งานได้ลื่นเสมอไป มันมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องครับ บางเครื่องผลเทสอาจจะพุ่งกระฉูด แต่พอใช้งานจริงกลับพบอาการแอพ Force close บ่อยๆ ก็มีถมไป และเท่าที่ลองใช้งานระหว่างรีวิว Samsung Galaxy S Duos 2 โดยตั้งค่าแบบเดียวกับค่าดังเดิมจากโรงงาน ก็มีคำแนะนำนิดๆ หน่อยๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อ Samsung Galaxy S Duos 2 มาใช้งาน ว่าอย่างน้อยควรทำการรีสตาร์ทเครื่อง 1 ครั้งทุกเช้า เพื่อเป็นการเคลียร์แอพฯ เคลียร์แรมภายในเครื่องก่อนที่จะเริ่มใช้งาน ก็จะช่วยให้ Samsung Galaxy S Duos 2 ทำงานได้ดียิ่งขึ้นครับ
การจัดการพลังงานใน Samsung Galaxy S Duos 2 เท่าที่ลองสแตนบายเครื่องโดยเปิด 3G ทิ้งไว้ก็พบว่าตัวเครื่องใช้งานแบตเตอรี่น้อยมาก แต่พอได้หยิบมาเล่นก็รู้เลยครับว่าแบตเตอรี่ 1500 mAh ใน Samsung Galaxy S Duos 2 ยังไงก็ใช้ไม่พอแน่นอน เปิดเล่น Line เกมเศรษฐีไป 4 ตารวด (ใช้การเชื่อมต่อ Wifi) พบว่าแบตเตอรี่จากก่อนเล่นที่ 80% ลดลงมาเหลือเพียง 22% โดยตัวการหลักที่กินพลังงานมากเป็นพิเศษก็คงไม่พ้นหน้าจอขนาด 4 นิ้วของมันนี่แหละครับ ในการใช้งานจริงคงต้องอาศัยปรับแสงหน้าจอลงมาหน่อย และคงต้องพก Powerbank สำรองไว้ยามฉุกเฉินจะเป็นการดีครับ

Overall

Review-Samsung-Galaxy-S-Duos-2-SpecPhone 008

สำหรับ Samsung Galaxy S Duos 2 ก็จัดเป็นมือถือรุ่นเล็กอีกรุ่นหนึ่งที่ให้อะไรมาค่อนข้างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้า – หลัง CPU Dual Core และแรม 768 MB หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ พกพาสะดวก งานประกอบและวัสดุอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ผมก็ยังยืนยันครับว่าค่าตัว 4,900 บาทของ Samsung Galaxy S Duos 2 ควรจะมีอะไรให้มากกว่านี้หน่อย อย่างน้อยก็ Ram น่าจะให้มาที่ 1 GB ไปเลย เพราะมือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาทเดี๋ยวนี้การแข่งขันค่อนข้างสูงทีเดียวครับ เชื่อเลยว่าเป็นงานหนักของทาง Samsung แน่นอน

ข้อดี

  • งานประกอบค่อนข้างดี ตัวเครื่องขนาดกำลังดี พกพาสะดวก
  • หน้าจอค่อนข้างสวย ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Always on
  • มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2 Jellybean ใช้งานได้ลื่นพอตัว

ข้อสังเกต

  • กล้องหลังและกล้องหน้ายังไม่ค่อยประทับใจ
  • สเปคยังกั๊กๆ อยู่ อาทิเช่น Ram 768 MB, CPU Dual Core เป็นต้น
  • แบตเตอรี่ไม่ค่อยอึดเท่าไหร่

Compare

มาถึงส่วนสุดท้ายจริงๆ ของรีวิว Samsung Galaxy  S Duos 2 ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S Duos 2 ที่ราคา 4,900 บาท จำนวน 5 รุ่นด้วยกัน ดังนี้
Compare Galaxy S Duos 2

ถ้าวัดกันที่ความคุ้มค่าจริงๆ Samsung Galaxy S Duos 2 เมื่อเทียบกับมือถือเหล่านี้คงแพ้หลุดรุ่ย แต่ Samsung เองก็มีดีอยู่ที่คอนเท้นพิเศษเฉพาะผู้ใช้ Samsung Galaxy อย่างแอพพลิเคชัน Galaxy Gift มาช่วยทำให้ดูคุ้มค่ายิ่งขึ้น เพราะแอพพลิเคชันดังกล่าวจะให้ส่วนลดร้านอาหารที่ว้าวพอสมควรเลย และข้อดีอีกอย่างที่ Samsung Galaxy S Duos 2 เหนือกว่ามือถือ 5 รุ่นที่เหลือคือมันมีเคสให้เลือกใช้มากมายเลยครับ และหาซื้อเคสไม่ยากเหมือนรุ่นอื่นๆ ด้วย
ส่วนตัวเลือกอื่น นอกเหนือจาก Samsung Galaxy S Duos 2 ก็ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ

  • Huawei Ascend G730 ในราคาไม่เกิน 5,000 บาทถือว่าให้อะไรมาเยอะที่สุดไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่เยอะที่สุดและหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุด
  • Asus Zenfone 4.5 ค่อนข้างอยู่ในระดับกลางๆ คือเด่นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ IPS ขนาดกำลังพอดี กล้องหลังความละเอียดสูง และเป็น Android 4.4 Kitkat
  • Lenovo A526 ยกให้เขาเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาและแข็งแรง ส่วนสเปคอื่นๆ ก็ถือว่าเกาะกลุ่ม ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น
  • Nokia X2 เหมาะสำหรับสาวกโนเกีย และผู้ที่ต้องการใช้งานมือถือแบบง่ายสุดๆ เพราะอินเตอร์เฟสของ Nokia X เป็นอะไรที่ไม่มีความซับซ้อนเลย สเปคก็อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ให้ Ram มา 1 GB
Credit:specphone

เป็นไงบ้างกับบทวิเคราะห์ของมือถือสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เสป็คพอใช้ได้ ราคาไม่แพง ความเร็วแรงพอใช้ได้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ แล้วพบกันใหม่พร้อมกับข้อมูลเจาะลึกสุดโดนใจและบทวิเคราะที่จะช่วยให้คุณ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกับ mobiloit เว็บที่จะช่วยให้การเลือกของคุณนั้นง่ายขึ้น สวัสดีคับ

Friday, August 29, 2014

รีวิว Nokia Lumia 930 สมาร์ทโฟนสุดล้ำกับ กล้อง PureView ระดับ 20 ล้าน !

วันนี้ก็มาพบกับสมาร์ทโฟนสุดล้ำที่มาพร้อมกับฟังชันก์มากมาย มือถือโนเกีย รุ่นนี้ยังเป็นมือถือสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Window ซึ่ง Windows Phone ตัวนี้มารีวิวและมือถือตัวนี้ เป็นสมาร์ทโฟนตระกูล Lumia นี่เอง หลายๆคนอาจจะมองว่า Nokia Lumia เนี่ยเป็นตระกูลเทพๆ ราคาแรงๆ บอกเลยว่าตัวนี้มาราคาไม่แรงนะฮัฟ!!!!
สำหรับ SmartPhone ที่น้องแป้งกำลังจะพูดถึงนี่ก็คือ Nokia Lumia530 Dual Sim เรียกกันแบบสั้นๆว่าNokia Lumia530 ละกันนะฮัฟ
การดีไซน์
หน้าจอของ Nokia Lumia530 มีขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480×854 พิกเซล ถือว่าหน้าจอมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปทำให้ขนาดของตัวเครื่องก็พอดิบพอดีกับมือ พกพาง่าย น้ำหนัก 129 กรัม ขีดนิดๆเองนะฮัฟ
ด้านหน้า : จะเป็นหน้าจอโล่งๆไม่มีปุ่มอะไรเลย ส่วนปุ่มสามปุ่มด้านล่างนั้นจะเป็นส่วนของทัชสกรีน คือจะขึ้นมาก็ต่อเมื่อเราสัมผัสหน้าจอเท่านั้นจ้าาา 
ด้านขวา : มีปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ส่วนด้านซ้ายไม่มีปุ่มอะไรเลย
ด้านบน : มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ด้านล่าง : มีช่องเสียบสาย MicroUSB
ด้านหลัง : มีกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และด้านล่างมุมซ้ายจะเป็นช่องลำโพง
ด้านหลังนี่เราสามารถถอดฝาหลังออกได้ด้วยนะเออ
แบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยนได้
ถอดแบตออกมาจะเห็นว่ามีช่องใส่ sim 2 ช่อง และมีช่องใส่ MicroSD card ด้วย
การใช้งาน
มาพูดถึงการใช้งานบ้างดีกว่า สำหรับเจ้า Nokia Lumia530 ตัวนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดคือWindows Phone8.1 ค่าาาา CPU Qualcomm Snapdragon 200 Quad Core 1.2 GHz Ram 512 MB หน่วยความจำภายใน 4 GB และสามารถเพิ่ม MicroSD card ได้สูงสุดถึง 128 GB เชียวนะฮัฟ
Windows Phone 8.1 ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆมากมาย ทำให้เราสามารถดู Action Center ได้ง่ายๆ เพียงลากนิ้วจากบนลงล่าง เราก็จะสามารถเห็นการแจ้งเตือนรวมทุกๆอย่างอยู่ที่เดียวเลยหล่ะ 
การใช้งานทั่วไปถือว่าทำได้ดีทีเดียว สามารถเข้าเว็บไซต์ได้อย่างลื่นไหลดีทีเดียว ส่วนการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมได้หลากหลายตามที่มีอยู่ใน Store เลยหล่ะ
นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้งานในส่วนของ Microsoft ได้เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น MS Office , Skype และ OneDrive โดยเราไม่ต้องไปเสียเวลาดาวน์โหลดเพิ่มเติมเลยหล่ะ เพราะมันมีมาให้พร้อมกับ Nokia Lumia530แล้วนะฮัฟ
กล้องถ่ายรูป
สำหรับ Nokia Lumia530 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล น่าเสียดายที่ไม่มีไฟแฟลซมาให้ T_T   และน่าเสียดายที่ไม่มีกล้องหน้ามาให้ แต่ก็คงไม่เป็นปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่หรอกเนอะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia Lumia530
สรุปการใช้งาน Nokia Lumia530
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแบบสุดๆ จงหันมามองเจ้า Nokia Lumia530 เป็นอันดับแรกเลยยยย เพราะเจ้า Nokia Lumia530 นี้ มาพร้อมกับความสามารถที่ครบครัน สามารถทำอะไรได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานด้านเอกสาร (MS Office) หรือจะเป็นการเล่นเกม ,ดู Youtube ก็สามารถทำได้ดีทีเดียว แถมยังรองรับการใช้งานสองซิมอีกด้วย ที่สำคัญราคา 3,690 บาทเท่านั้น มี 4 สีให้เลือก คือ ส้ม เขียว ขาว และดำ 
จุดเด่น
- ขนาดพอดีมือ จับถือและพกพาง่าย
- ราคาประหยัดสุดๆเมื่อเทียบกับคุณภาพต่างๆของเครื่อง
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
จุดสังเกต
- ความละเอียดของหน้าจอน้อยไปนิด สีสันไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร
- ไม่มีกล้องหน้า
- กล้องหลังไม่มีไฟแฟลซมาให้

Credit:techxcite

เป็นไงบ้างกับมือถือสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เสป็คพอใช้ได้ ราคาไม่แพง ความเร็วแรงเกือบแซงทางโค้งนะ ฮัฟ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ แล้วพบกันใหม่พร้อมกับข้อมูลเจาะลึกสุดโดนใจและบทวิเคราะที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกับ mobiloit เว็บที่จะช่วยให้การเลือกของคุณนั้นง่ายขึ้น สวัสดีคับ

Wednesday, August 27, 2014

รีวิว มือถือรุ่น I-Mobile IQ 6.8 DTV มือถือดูทีวีดิจิตอลระดับพรีเมียม กับจอ HD 5.5 นิ้ว กล้อง 18 ล้าน



วันนี้ก็มาพบกับมือถือยี่ห้อที่เราคุณเคยแต่หายไปนาน แต่ครั้งนี้เค้ากลับมาอีกครั้งด้วยรูปแบบที่เหนือชั้นขึ้นกับมือถือ I-Mobile IQ 6.8 DTV มือถือที่เหมาะกับคนที่ชอบดูทีวีเป็นชีวิตจิตใจ จะต้องหลงรักเจ้ามือถือเครื่องนี้ ด้วยจอขนาด wide ที่โค้งยาวรับกับขนาดตัวเครื่องที่เหมาะกับการพกพา ซึ่งคุณภาพจอระดับ HD ที่คุณจะทึ่งกับมันรับชมได้เลยครับกับ  I-Mobile IQ 6.8 DTV ด้วยกระแสทีวีดิจิตอลกำลังมาแรง และก็ดูมีอนาคตดีทีเดียวครับ เห็นได้จากบรรดารายการต่างๆ ที่มีฉายผ่านทีวีดิจิตอลตอนนี้ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ส่วนสัญญาณทีวีดิจิตอล ณ ตอนนี้ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อตอนทดลองออกอากาศใหม่พอสมควร ทำให้มือถือที่ดูทีวีดิจิตอลได้ตอนนี้เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง I-Mobile ก็ได้ทยอยปล่อยมือถือซีรี่ส์ DTV ที่สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้ในตัว ไม่ต้องง้อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้เปลืองดาต้าออกมาหลายรุ่นด้วยกัน I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็เป็นรุ่นล่าสุดสำหรับซีรี่ส์ DTV แต่เจ้านี่จะพิเศษกว่า เพราะ I-Mobile IQ 6.8 DTV นี่ไม่ได้มาพร้อมสเปคธรรมดาๆ เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มันมากับสเปคที่แรงพอตัวเลยหล่ะ แถมหน้าจอก็ขนาดใหญ่และมีความละเอียดระดับ HD ด้วย

สเปค I-Mobile IQ 6.8 DTV

  • สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้ผ่านเสาอากาศในตัว
  • ชิปประมวลผล Mediatek MT6588 Quad Core ความเร็ว 1.7 GHz
  • แรม 1 GB
  • รอม 16 GB รองรับ MicroSD Card สูงสุด 32 GB
  • หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 
  • กล้องหลังความละเอียด 18 ล้านพิกเซล BSI, Auto Focus และแฟลช
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Auto Focus พร้อมแฟลช
  • รองรับการเชื่อมต่อ 3G แยกตามโมเดล (IQ 6.8 DTV รองรับ 3G 850/2100, IQ 6.8A DTV รองรับ 3G 900/2100)
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม
  • ระบบปฏิบัติการ Android 4.2 Jellybean
  • แบตเตอรี่ 2,550 mAh
  • สเปค i-mobile IQ 6.8 DTV
  • ราคา 7,990 บาท
อย่างที่บอกครับว่า I-Mobile IQ 6.8 DTV นั้นสเปคไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และถ้าสังเกตในส่วนของการรองรับความถี่ 3G จะแยกเป็น 2 โมเดล คือ I-Mobile IQ 6.8 DTV และ I-Mobile IQ 6.8A DTV ตรงนี้เวลาจะเลือกซื้อก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับเครือข่ายที่เราใช้งานนะครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้ซิม 3G คลื่น 850 MHz อาทิ My by Cat กับ 365 ต้องเลือกเป็นโมเดล IQ 6.8 DTV เฉยๆ เท่านั้น โดยเครื่องรีวิว I-Mobile IQ 6.8 DTV ที่เราได้รับมานั้นก็เป็นรุ่นรองรับ 3G คลื่น 850/2100 MHz แต่ถ้าใครสนใจรุ่น IQ 6.8A DTV ก็สามารถใช้รีวิวของเราอ้างอิงได้เช่นกัน เพราะนอกจากเครือข่าย 3G ที่รองรับแล้วที่เหลือก็เหมือนกันเป๊ะๆ ครับ
Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 006
กล่องของ I-Mobile IQ 6.8 DTV เป็นกล่องกระดาษแข็งที่เลื่อนเหมือนลิ้นชัก เมื่อเปิดกล่องมาจะพบกับตัวเครื่อง I-Mobile IQ 6.8 DTV พร้อมอุปการณ์เสริมที่จัดเต็มมาให้ในกล่อง ที่เบสิคหน่อยก็หูฟัง, สาย USB และอแดปเตอร์ ส่วนที่จัดให้มาแบบพิเศษ (แต่ถือว่าปกติสำหรับ I-Mobile) ก็จะได้แก่ ซิม I-Mobile 3GX, เคสโทรศัพท์, ฟิล์มกันรอย และขาตั้งสำหรับเวลาใช้ IQ 6.8 DTV ดูทีวีดิจิตอลครับ

Design

Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 014อยู่ที่ไหนก็ดูทีวีดิจิตอลได้
Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 019
วัสดุหลักของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็ยังคงใช้วัสดุเป็นพลาสติก แต่จะค่อนข้างมีตัวเครื่องขนาดใหญ่ไปสักหน่อย เพราะ I-Mobile IQ 6.8 DTV มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว ส่วนหน้าตาของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จะคล้ายๆ กับ I-Mobile IQ OCCO ส่วนตัวผมมองว่าดีไซน์ถึงแม้จะดูเรียบๆ แต่ก็แฝงด้วยความหรูหราพอสมควรเลย ถ้าฝาหลังทำ Texture ให้คล้ายโลหะเหมือนใน I-Mobile IQ X OCCO มันจะเป็นมือถือดูทีวีดิจิตอลที่สวยรุ่นนึงเลยหล่ะ
ด้านหน้าของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD เหนือหน้าจอจะเป็นกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช, เซนเซอร์วัดแสง และลำโพงสำหรับสนทนา ส่วนด้านล่างของหน้าจอจะเป็นปุ่ม 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มเมนู (แต่ดันใช้สัญลักษณ์เป็นปุ่ม Recent App), ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับครับ ดีไซน์ด้านหน้าจะค่อนข้างเรียบๆ ตามสไตล์มือถือ I-Mobile แต่จะมีส่วนที่ผมประทับใจก็จะเป็นขอบของตัวเครื่องที่จะสูงกว่าหน้าจอนิดหน่อย ซึ่งตรงนี้จะช่วยเวลาที่เราวางเครื่องแบบคว่ำหน้าลงกับพื้นครับ ขอบที่นูนออกมาจะทำให้หน้าจอไม่สัมผัสกับพื้นโดยตรง ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ในระดับหนึ่ง
ด้านข้างของ I-Mobile IQ 6.8 DTV เริ่มจากด้านซ้าย (หันหน้าจอเข้าหาตัว) จะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงที่สามารถใช้ปุ่มเพิ่มเสียงเป็นปุ่มชัตเตอร์ตอนถ่ายรูปได้ด้วย, ด้านบนเป็นปุ่ม Power กับช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และมุมขวาของด้านบนจะเป็นเสาอากาศทีวีดิจิตอลในตัว เวลาจะใช้งานก็แค่ดึงเสาขึ้น ไม่ต้องคอยมาใส่ๆ ถอดๆ เหมือนอย่าง I-Mobile I-Style 7.8 DTV ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบสาย Micro USB สำหรับชาร์จไฟ หรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และไมค์ตัวที่ 1 สำหรับสนทนาครับ
I-Mobile IQ 6.8 DTV เป็นมือถือที่สามารถถอดฝาหลังได้ ซึ่งเมื่อถอดฝาหลังออกมาก็จะพบกับแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ขนาด 2550 mAh, ช่องใส่ซิม 1 (ซิมการ์ดขนาดปกติ), ช่องใส่ซิม 2 (Micro Sim) และช่องสำหรับ MicroSD Card ฝาหลังของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จะใช้วัสดุเป็นพลาสติกที่เป็นผิวสัมผัสแบบด้าน แม้สัมผัสจะไม่ได้เนียนมือแบบซอฟทัช แต่ก็ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีครับ รายละเอียดด้านหลังจะประกอบไปด้วย ลำโพงหลักของตัวเครื่องทางมุมด้านล่าง, โลโก้ I-Mobile, โลโก้รุ่น IQ และกล้องหลังความละเอียด 18 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส เซนเซอร์แบบ BSI พร้อมแฟลช ซึ่งตรงนี้เชื่อได้ครับว่าเป็นเซนเซอร์ BSI แน่นอน เพราะตัวโมดูลกล้องจะนูนออกมาจากฝาหลังเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องกระจกเลนส์จะเป็นรอยง่ายนะครับ เพราะที่กระจกเลนส์กล้องจะมีขอบนูนออกมานิดนึง ช่วยไม่ให้กระจกเลนส์สัมผัสกับพื้นโดยตรง
หน้าจอ IPS 5.5 นิ้ว มันเกิดมาเพื่อดูทีวีดิจิตอลชัดๆ
Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 017
ด้วยความที่ I-Mobile IQ 6.8 DTV เป็นมือถือที่ออกแบบมาสำหรับการดูทีวีดิจิตอลโดยเฉพาะ และที่เราจั่วหัวไปว่ามันเป็นมือถือดูทีวีดิจิตอลแบบพรีเมียมก็เพราะว่าหน้าจอนี่แหละครับ จะบอกว่าเป็นมือถือดูทีวีดิจิตอลรุ่นที่ดีที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับหน้าจอของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จะใช้เป็นหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD ที่ค่อนข้างคมชัด เพียงพอสำหรับระยะในการมองมือถือขนาด 5.5 นิ้ว เอาเป็นว่าใช้งานในระยะปกตินี่หายห่วงครับ มองแทบไม่เห็นเม็ดพิกเซลครับ และด้วยความที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว ทำให้มันเหมาะที่จะใช้ดูทีวีกว่า I-Mobile DTV รุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร จอใหญ่ยังไงก็ดูได้เต็มตากว่าเยอะ จริงไหมครับ?
ภาพรวมในส่วนของการออกแบบและวัสดุของตัวเครื่อง I-Mobile IQ 6.8 DTV จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ดูสมกับราคาค่าตัว 7,990 บาท งานประกอบที่แน่นหนา แข็งแรง ไม่มีอาการยวบยาบเวลาจับตัวเครื่อง การเก็บงานค่อนข้างเนียน ส่วนการออกแบบอันนี้คงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลครับ แต่สำหรับผมมองว่า I-Mobile IQ 6.8 DTV ยังทำดีไซน์ออกมาไม่โดดเด่นเท่าไหร่ หน้าตาไม่ได้ทิ้งจากมือถือ I-Mobile รุ่นอื่นๆ มากนัก

Software

Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 018
I-Mobile IQ 6.8 DTV มาพร้อมกับระบบปฏบัติการ Android 4.2.2 Jellybean กับ UI ที่เกือบๆ จะเป็น Pure Android แบบเดียวกับใน Google Nexus เลยครับ แต่รอมของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จะมีการใส่แอพพลิเคชันบางตัวลงมาเพิ่มให้ ส่วนมากจะเป็นแอพพลิเคชันที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง I-Mobile  เช่น สตาร์ซอกเกอร์, เซียมซีแว้น และแอพพลิเคชันบทสวดมนต์ เป็นต้น การใช้งานซอฟท์แวร์จะเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายที่สุดแล้วครับ เพราะมันเป็นรอมที่เป็นพื้นฐานจริงๆ มือใหม่ก็ทำความเข้าใจไม่ยากเลย ส่วนความลื่นไหลในการใช้งานนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสเปคของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ที่ค่อนข้างแรงอยู่แล้ว ทำให้การใช้งานทั่วไปไม่ค่อยเจอปัญหาอะไร จะมีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อยบ้าง ตรงนี้ก็ถือว่าอยู่ในจุดที่รับได้ครับ

Feature


Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 007
ฟีเจอร์สุดแจ่มของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็คงหนีไม่พ้นการรับชมทีวีดิจิตอลผ่านทางเสาสัญญาณในตัวเครื่องโดยไม่ต้องง้ออินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ สำหรับการใช้งานในส่วนของทีวีดิจิตอล ให้เข้าไปที่แอพพลิเคชันDigital TV ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปจอทีวี ที่อยู่ตรงหน้าโฮมนั่นแหละครับ วิธีการใช้งานก็ง่ายมาก แค่กดเข้าไปที่แอพพลิเคชัน Digital TV ถ้าเป็นการใช้งานครั้งแรกแนะนำให้ทำการค้นหาสัญญาณก่อน 1 ครั้ง เมื่อแอพพลิเคชัน Digital TV หาสัญญาณช่องเจอแล้วทีนี้อยากดูช่องไหนก็กดเข้าไปรับชมได้ทันทีเลยครับ นอกจากนี้เราควรทำการค้นหาสัญญาณทุกครั้งที่เปลี่ยนสถานที่ดูทีวีดิจิตอลผ่านมือถือ เพราะบางพื้นที่จะรับสัญญาณช่องได้แตกต่างกัน เนื่องจากความแรงของสัญญาณทีวีดิจิตอลนั่นเองครับ
Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 010
ส่วนความคมชัดในการรับชมทีวีดิจิตอลผ่าน I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็ให้ภาพที่คมชัดจากอานิสงส์ของทีวีดิจิตอล ที่ส่งสัญญาณภาพมาแบบ HD ไม่เหมือนกับมือถือดูทีวีธรรมดารุ่นก่อน ถ้ารับชมในพื้นที่สัญญาณแรงๆ นี่จะรับชมได้เนียนตามากเลยครับ เพราะความละเอียดหน้าจอของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็มีความละเอียด HD เท่ากับสัญญาณภาพที่ส่งมานั่นเอง อีกทั้งด้วยขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว แบบ IPS ทำให้ได้อรรถรสในการรับชมทีวีดิจิตอลมากกว่ามือถือดูทีวีดิจิตอลรุ่นอื่นครับ

Camera

Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 020
ถึงแม้ I-Mobile DTV Series จะเป็นมือถือที่มีจุดเด่นคือการรับชมทีวีดิจิตอลได้เพราะมีเสารับสัญญาณในตัว แต่สำหรับ I-Mobile IQ 6.8 DTV มันมีความพิเศษมากกว่านั้น อย่างน้อยกล้องของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็ไม่ใช่กล้องไก่กา เอาแค่กล้องหลังก็จัดหนักด้วยกล้องหลังความละเอียด 18 ล้านพิกเซล (ใช้ซอฟท์แวร์ช่วยอัพสเกล) ออโต้โฟกัส BSI Sensor ตัวแอพพลิเคชันกล้องที่ติดมากับเครื่องเป็นแอพฯ กล้องติดรอม Android โหมดถ่ายรูปในกล้องหลังมีให้เลือกใช้ 4 หมวดดังนี้
Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 028
  • โหมดปกติ (Auto)
  • โหมดภาพสด
  • โหมดหน้าสวย (ฟรุ้งฟริ้ง)
  • โหมดพาโนรามา
กล้องหลัง I-Mobile IQ 6.8 DTV จับโฟกัสได้ค่อนข้างไว ใช้งานไม่ยากครับ เปิดหน้ากล้อง ทัชโฟกัส แล้วก็กดถ่ายได้เลย ส่วนภาพถ่ายนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่โอเคในระดับหนึ่งเลย ภาพค่อนข้างคมชัด แต่จะมีอาการ White balance เพี้ยนๆ ไปบ้างในบางครั้ง ส่วนภาพถ่ายตอนกลางคืนยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เลี่ยงได้ก็จะเป็นการดีครับ
Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 015
ส่วนกล้องหน้าของ I-Mobile IQ 6.1 DTV ก็ไม่ธรรมดา จะบอกว่าเกิดมาเพื่อ Selfie ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดกล้องหน้าที่ 8 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส และยังมีแฟลชช่วยในการ Selfie ตอนมืดๆ อีกต่างหาก การวางตำแหน่งแฟลชทำออกมาค่อนข้างดี ไม่ทำร้ายคนถ่ายจนเกินไป สังเกตได้จากแฟลชจะอยู่คนละฝั่งกับตัวกล้อง ทำให้แสงจากแฟลชไม่ได้ยิงใส่หน้าคนถ่ายโดยตรงนั่นเอง สำหรับโหมดในกล้องหน้าของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จะมีด้วยกัน 2 โหมดเท่านั้น คือโหมดปกติ กับโหมดหน้าสวยฟรุ้งฟริ้ง
ส่วนภาพถ่ายจากกล้องของ I-Mobile IQ 6.8 DTV สามารถรับชมได้จาก Gallery เลยครับ

Performance

Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 012
ประสิทธิภาพของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จัดอยู่ในมือถือระดับกลางทั่วไป Ram 1 GB ส่วน CPU เลือกใช้รุ่นที่ค่อนข้างแรงทีเดียวอย่าง Mediatek MT6588 Quad Core ความเร็วถึง 1.7 GHz ใช้งานได้ตั้งแต่เบสิคอย่างการเล่นอินเทอร์เน็ต, โซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือจะใช้งานหนักอย่างเช่นการเล่นเกมก็ทำได้สบายๆ บางเกมอาจจะต้องปรับลดความละเอียดลงมาบ้าง แต่โดยรวมผมค่อนข้างมั่นใจว่า I-Mobile IQ 6.8 DTV สามารถเล่นเกมได้ทุกเกม หรือจะใช้ดูหนังความละเอียดสูงอย่างไฟล์หนังความละเอียด 1080p ก็สามารถทำได้สบายๆ และยิ่งมันมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ทำให้ I-Mobile IQ 6.8 DTV เป็นมือถือที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบเลยหล่ะ
ในด้านการจัดการพลังงาน I-Mobile IQ 6.8 DTV ให้แบตเตอรี่ความจุ 2550 mAh กับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วและตัว I-Mobile IQ 6.8 DTV เองทำออกมาสำหรับการตอบโจทย์เรื่องความบันเทิงที่จำเป็นต้องมีการเปิดหน้าจอบ่อยๆ ทำให้แบตเตอรี่ความจุ 2550 mAh อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในหนึ่งวัน ในจุดนี้คงต้องพก Powerbank ไว้เผื่อฉุกเฉินครับ แต่ถ้าถามผมว่าทำไม I-Mobile ถึงไม่ใส่แบตเตอรี่ความจุสูงกว่านี้ลงมาใน I-Mobile IQ 6.8 DTV คำตอบในความคิดของผมก็คือเรื่องของน้ำหนักและขนาดตัวแหละครับ ถ้าใส่แบตเตอรี่ความจุเยอะกว่านี้ เชื่อว่าน้ำหนักและความหนาของ I-Mobile IQ 6.8 DTV จะต้องเพิ่มขึ้น แน่นอนว่ามันจะทำให้การถือเครื่องเพื่อรับชมทีวีดิจิตอลกลายเป็นเรื่องที่ลำบากนั่นเอง

Overall

Review-i-mobile-IQ-6.8-DTV-SpecPhone 021
ภาพรวมของ I-Mobile IQ 6.8 DTV ก็จัดเป็นมือถือดูทีวีดิจิตอลที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่ I-Mobile เคยทำมา เพราะ I-Mobile IQ 6.8 DTV มาพร้อมกับสเปคที่ไม่ได้ให้มาแค่พอใช้งานเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่สเปคของ I-Mobile IQ 6.8 DTV นั้นถือว่าตอบโจทย์ด้านความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอคมชัดขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD, CPU ที่สามารถเปิดไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้สบาย อีกทั้งกล้องหน้าหลังก็ยังจัดเต็มอีกต่างหาก สนนราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปคและความสามารถในการรับชมดิจิตอลทีวีได้ก็ไม่ถือว่าแรงจนเกินไปที่ 7,990 บาท ทำให้ I-Mobile IQ 6.8 DTV เป็นมือถือดูทีวีดิจิตอลอีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
ข้อดี
  • หน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ภาพคมชัด เต็มตา
  • CPU ให้มาค่อนข้างแรง ใช้งานได้หลากหลาย
  • สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต
  • ลำโพงหลักของตัวเครื่องให้เสียงค่อนข้างดัง
  • ความสามารถโดยรวมในการใช้งานด้านมัลติมีเดียอยู่ในขั้นดีมาก Overall สุดๆ ตั้งแต่ดูทีวี, เล่นเกม, ถ่ายรูป, ไปจนถึงเล่นอินเทอร์เน็ต
ข้อสังเกต
  • แบตเตอรี่น่าจะให้มามากกว่านี้
  • ดีไซน์ดูเรียบเกินไปหน่อย
credit:specphone

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลของมือถือ รุ่น I-Mobile IQ 6.8 DTV กับจอดูทีวีพร้อมกับสเปคเครื่องสุดแจ่มพร้อมกับราคาเปิดตัวที่หลายคนต้อง ร้อง ว๊าววว ด้วยราคาที่พอเหมาะกับสเปคเครื่องที่พอใจ พร้อมกับข้อมูลเจาะลึกสุดโดนใจและบทวิเคราะที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แล้วพบกันใหม่กับ mobiloit เว็บที่จะช่วยให้การเลือกของคุณนั้นง่ายขึ้น สวัสดีคับ